gomovies หนังใหม่ชนโรง
gomovies เรื่องราวของ ‘Smile’ เริ่มที่ ดร.โรส คอตเตอร์ (Sosie Bacon) จิตแพทย์สาวที่บังเอิญได้พบเห็นสถานะการณ์แปลกช้ำใจของ ลอรา วีฟเวอร์ (Caitlin Stasey) นิสิตสาวคนไข้จิตเวชศาสตร์คนหนึ่ง ที่มากับรอยยิ้มสุดน่ากลัว เหตุนั้นทำให้คุณจำเป็นต้องเผชิญเผชิญกับเรื่องราวสยดสยองที่ครอบครองตามติดคุณเป็นเงา แถมยังไม่อาจจะจะชี้แจงให้คนไหนกันฟังได้ คุณก็เลยจำต้องพบเจอกับสมัยก่อนอันแสนสะเทือนขวัญ และก็บากบั่นหลบซ่อนสิ่งลึกลับอันน่าสยองที่มาในลักษณะของรอยยิ้ม
ตามมาด้วยพาร์ทกึ่งกลางที่เพิ่มระดับความวุ่นวายกับรายละเอียดเหตุหายนะ พาร์ทนี้ที่ว่าเป็นการยกฐานะอารมณ์ของผู้ชมได้ดิบได้ดี มันช่างน่าระทึกใจแล้วก็น่าละลานตา เต็มไปด้วยจังหวะบันเทิงใจๆแบบหนังเชิงการค้าทั่วๆไป ถึงแม้ตัวหนังจะยังคงยิงรัวๆบทสำหรับพูดเอาไว้แบบไม่หยุดหายใจเหมือนเคยก็ตาม แต่ว่าเป็นพาร์ทที่ทำให้หนังมองน่าติดตามขึ้นมาหน่อย แต่ว่าพอเพียงไปสู่พาร์ทท้ายที่สุดที่น่าจะเป็นองก์ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด yomovies แต่มีความรู้สึกว่าดีกรีของหนังที่พึ่งจะขึ้นไปจุดสุดยอดมา เบาๆไต่ระดับลงมา
นักเขียนคิดว่าจุดแข็งที่ทำให้ซีรีส์ Big Mouth ประสบผลสำเร็จก็คือทางเรื่องได้สร้างเนื้อสร้างตัวละครที่ค่อนข้างจะมีมิติ มีทั้งยังด้านมืดรวมทั้งด้านสว่าง ซึ่งข้อนี้ก็เกิดเรื่องจริงของคนเราที่มีความเทาๆไม่มีผู้ใดดีไปหมดแล้วก็ร้ายไปหมดทุกเรื่องจ้ะ ได้แก่นักแสดงอย่างพัคชางโฮ เขาเป็นผู้ที่เห็นแก่เงินกระทั่งทำให้ตนเองจะต้องไปอยู่ในเรือนจำแม้กระนั้นอันที่จริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการเป็นผู้ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งยังเขายังจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นบิ๊กเมาส์ (Big Mouse)
เพื่อไม่ให้ครอบครัวรวมทั้งเมียของตนลำบาก ส่วนโกมีโฮก็มิได้เป็นเพียงแค่แม่บ้านคุณมีอาชีพเป็นเมียแล้วก็พร้อมทำทั้งหมดทุกอย่างเพื่อผัวพ้นจากข้อกล่าวหา และก็แม้กระทั้งนายกเทศมนตรีชเวโดฮาก็ยังเป็นตัวละครที่น่าดึงดูดเพราะเหตุว่าเขาก็มิได้เป็นผู้ที่เลวล้วนๆและก็ยังมีด้านที่ดีอยู่บ้าง ซึ่งมิติพวกนี้ทำให้ผู้แสดงในเรื่องน่าติดตามอย่างมากมาย และก็เมื่อสู่จุดหมายปลายทางก็จะพบว่าเป็นหนังที่เต็มไปด้วยข้อมูล กลับยังไม่ค่อยสัมผัสได้ว่า เป็นยังไง?
รีวิว Brain Works gomovies
เป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของคุ้นชินฮารู (จองยงฮวา) เขาดำเนินการเป็นนักประสาทวิทยา เบื้องต้นครอบครัวของคุ้นชินฮารูดีมากมาย เพราะเหตุว่าเขากำเนิดในครอบครัวที่มีแพทย์มา 3 รุ่น ชีวิตของเขาไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้เพราะเหตุว่าเขามั่งคั่งจากมรดกตกทอดอยู่แล้ว คุ้นชินฮารูเป็นผู้ที่เชื่อมั่นสำหรับในการทำของตนแต่ว่าเขาไม่มีความปรานีต่อผู้ที่เขาคิดว่าเป็นเพียงแค่ขยะ
ส่วนผู้ที่สองเป็นซออูจิน (อันฮโยซอบ) เขาก็เป็นหมอผ่าตัดด้วยเหมือนกันรวมทั้งมีความถนัดที่สุดยอดสำหรับการผ่าตัดแต่ว่าซออูจินมีเงื่อนในใจเนื่องจากเขาทุกข์ยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก แต่ว่าการที่พวกเขาได้มาปฏิบัติงานกับบูยงจูทำให้เขาเติบโตขึ้น ในซีซัน 3 เค้าเรื่องมิได้ออกมามากสักเท่าไรนักจ้ะ แม้กระนั้นเรื่องราวจำเป็นจะต้องน่าติดตามอย่างแน่แท้ ผู้ใดกันแน่ที่ถูกใจซีรีส์แนวการแพทย์ห้ามพลาดจ้ะ
เรียกว่าเป็นทนายความขวัญใจพสกนิกรโดยแท้จริง มองเห็นอย่างนี้อย่ารู้สึกว่าเขารวยมาจากไหนเลยจ๊าจ๊ะ เนื่องจากว่าแน่ๆว่าทนายความคนยากจนก็จนกระทั่งไม่แพ้คนใดแบบเดียวกันนั่นแหละ ด้วยเหตุว่าถึงจะหล่อ เนี๊ยบแล้วก็เฟี้ยวฟ้าวแค่ไหน ว่าความในศาลจะเก่งกล้าสักเท่าไหร่ ก็ยังแพ้ป้าผู้ครอบครองห้องพักที่มาทวงค่าใช้จ่ายในการเช่ายิกๆอยู่ร่ำไป งานนี้ฟ้าดินก็ต้องส่งเทวนารีในชุดสีชมพูแสบสันมาช่วยประคองสถานะกันสักนิดสักหน่อย
หากว่าองก์ท้ายที่สุดจะเป็นจังหวะทำนองของปัญหาชีวิตและก็หัวข้อในครอบครัว gomovies รายละเอียดและก็ไดอะล็อกในขณะนี้ยังออกจะสร้างระยะห่างระหว่างหนังกับผู้ชมให้แยกออกมาจากกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้องก์ดังกล่าวข้างต้นจะมอบรสแบบใกล้เคียงกับที่โนอาห์เคยทำเอาไว้เสร็จใน Marriage Story ผลงานเรื่องก่อนของเขา แต่ว่าโชคร้ายไปสักนิดสักหน่อย ที่ผู้ชมออกจะเบลอไปกับการนั่งรถไฟบินสายนี้ ที่อยู่ๆก็กลับมาสู่โหมดข้อมูลที่เอาจริงเอาจังอีกรอบ
ซึ่งจริงๆก็จำเป็นต้องดูล่ะครับว่าตัวหนังสามารถเอาหลักสำคัญปัญหาทางจิตวิทยามาสะท้อนผ่านตัวหนังได้ อีกทั้งใจความสำคัญเกี่ยวกับรอยยิ้ม รวมถึง Conflict ในด้านของการสะท้อนให้เห็นภาพอันย้อนคัดค้านของจิตแพทย์ที่รอรักษาผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตว่าเป็นผู้ที่คงจะควบคุม รู้เท่าทัน มีความชำนาญมากพอที่จะคุมอารมณ์ของตนเองเพื่อหาเลี้ยงชีพเองทำให้คุณจำต้องดำเนินการในบริษัทงานเอกสาร ชีวิตของแบ็คยุยงนยองจะต้องอยู่ภายใต้ความตึงเครียดอย่างมากมาย
ด้วยความบังเอิญที่จำต้องไปว่าความในคดีเดียวกัน ทำให้เขาได้พบกับ ‘กางคมารี’ (คิมจีอึน) อัยการฝึกฝนหลานสาวคนเก่งของประธานบริหารที่ทำการข้อบังคับกางค สองคนพบกันในฐานะคู่แข่งขันในชั้นศาลและก็แน่ๆว่ากางคมารีแพ้ราบคาบ หนำซ้ำยังจำเป็นต้องตากหน้ายับๆไปขอฝึกฝนการทำงานกับชอนจีฮุนซะอีกตามคำสั่งประกาศิตของปู่ ไม่ต้องการที่จะไปก็จำต้องไป
ไม่ต้องการที่จะอยากร่วมมือก็จะต้องร่วมทำยังไงได้ รวมทั้งการร่วมงานของพวกเขาคราวนี้ก็ทำให้จะต้องพบเห็นกับสารพัดปัญหา ที่จะวุ่นเพียงใด บอกคำจำกัดความอะไรกับชีวิตกันบ้าง ก็ต้องตามไปเกาะขอบหน้าจอคอยเชียร์เฮียไม่นกันนะจ๊ะ แฟนคลับทั้งหลายแหล่ หากให้สรุปภาพรวมแบบเร็วๆของหนังประเด็นนี้ นักเขียนอาจจะสรุปว่า นี่ไม่ใช่หนังผีแบบตรงๆครับ แม้กระนั้นเป็นหนังสยองขวัญครึ่งๆหนังคำแช่ง ครึ่งหนึ่งๆหนังทริลเลอร์อะไรแบบงี้มากยิ่งกว่า
รีวิว Run Into You
บอกเล่าเรื่องราวของยุยงนแฮจุน (คิมดงอุก) เขาเป็นผู้สื่อข่าวแคว้นของสถานีข่าวสารแห่งหนึ่ง ซึ่งช่วงนี้เขาดำเนินการเป็นคนรายงานข่าวสำหรับรายการข่าวสารสุดสัปดาห์รวมทั้งเป็นผู้รายงานข่าวที่อายุต่ำที่สุดที่เคยดำเนินการที่สถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์มา เมื่อเขาดำเนินงานหรือปฏิบัติภารกิจเขาค่อนข้างจะไม่อ้อมค้อม แม้กระนั้นเมื่อมิได้ดำเนินงานเขาจะใจดีกับผู้คนเสมอ ส่วนแบ็คยุยงนยอง (จินกีจู) เป็นหญิงสาวที่ใฝ่ฝันจะเป็นคนเขียน
ซึ่งโทนของหนังก็จะออกไปทางหนังจำต้องคำแช่งแนวคล้ายกับ ‘It Follows’ (2014), ‘The Babadook’ (2014) หรือไม่ก็ย้อนไปไกลถึง ‘The Ring’ (2003) โน่นเลย เพียงแต่ว่าหนังหัวข้อนี้เลือกที่จะเอาใจความสำคัญเกี่ยวกับจิตวิทยามาเป็นธีมหลัก บางครั้งก็อาจจะยังไม่ถึงกับขนาดอาร์ตค่ะๆชักชวนแปลความ แม้กระนั้นเป็นการถือเอาปัญหาเกี่ยวกับจิตวิทยามาเล่น เป็นเงื่อนให้ผู้แสดงนำพบเจอกับการค้นหาสิ่งที่ทำให้เกิดคำแช่งยิ้มสยดสยองซะมากยิ่งกว่า
ส่วนกึมมยองเซ (ชาแทฮยอน) เขาดำเนินงานเป็นสายลับที่ออกจะเย็นชา แต่ว่าตามความจริงกึมมยองเซเป็นสายสืบที่ใจดีมากมาย วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์อาชญากรรมขึ้นทำให้คุ้นเคยฮารูและก็กึมมยองเซต้องมาไขคดีอาชญากรรมร่วมกันด้วยความไม่เต็มใจ เรื่องราวอาชญากรรมจะเกี่ยวพันกับคนไหนอย่าลืมไปติดตามได้ใน Brain Worksและก็คงจะต่อกรกับอาการสติแตกได้ แม้กระนั้นดันจะต้องมาพบเจอกับสถานการณ์ที่ชักชวนให้สิ้นหวัง กลัว ผวา โดนอดีตกาลตามหลอกค่อนข้างจะสติแตกซะเอง
ยิ่งพอเพียงมาขมวดกับหลักสำคัญของความที่คนที่อยู่รอบข้างคุณนั้นต่างก็ไม่รู้เรื่องในสิ่งที่คุณพบ และก็คุณเองก็ไม่ทราบว่าจะชี้แจงว่าไอ้คำแช่งรอยยิ้มที่ทำให้คนเสียชีวิตนี่มันคืออะไร ก็ยิ่งเชื้อเชิญให้บีบคั้น งวยงง หม่นหมอง แตกต่างหนักมากขึ้นไปอีกแต่ White Noise ก็ยังได้ไฮไลต์เด็ดๆจากกลุ่มดาราที่ออกจะเยี่ยมที่สุดอย่างยิ่งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น “อดัม ไดร์เวอร์” ยังคงมอบการแสดงระดับพรีเมี่ยมตามมาตรฐานความดีเลิศของเขาอีกที
การแสดงที่เต็มไปด้วยความทรงประสิทธิภาพ กับสร้างความตรึงใจตรึงตาให้กับหนังได้อย่างดีเยี่ยม ขนลุกครั้งใดก็ตามมองเห็นเขาไล่ระดับอารมณ์ระหว่างการสมหน้าที่เป็นตัวละครหลวงหนังหัวข้อนี้ ไม่น่าสนเท่ห์ใจ..เขาเหมาะสมมีชื่อเข้าชิงรางวัลอีกปีเมื่อถึงวันที่ควรต้องยกเลิกข้อตกลงชเวซังอึนเตรียมความพร้อมในการไปอย่างดีเยี่ยม แต่ว่าคุณกลับโดนจองจีโฮชิงขอยกเลิกข้อตกลงซะก่อนทำให้ชเวซังอึนรู้สึกอับอายเป็นอันมาก
แต่ว่าลึกๆแล้วคุณค่อนข้างจะเศร้าใจและก็มันก็ทำให้คุณได้รับรู้ว่าคุณกำลังหลงเสน่ห์จองจีโฮเข้าเสียแล้ว แม้กระนั้นในวันนั้นอีกทั้งชเวซังอึนและก็จองจีโฮกลับมิได้ยกเลิกข้อตกลงกันจริงๆเมื่อชเวซังอึนลงมาจากห้องจองจีโฮคุณได้พบกับคังแฮจิน (คิมแจยอง)ด้วยความบังเอิญ แม้กระนั้นชเวซังอึนจำเขามิได้ทั้งที่ทั้งสองเคยเจอะกันในยุคที่คุณยังเด็ก ซึ่งในช่วงเวลานี้คังแฮจินก็เป็นผู้แสดงชายหนุ่มที่เป็นที่รู้จักมากมาย
ส่วนฟากของคังแฮจินกลับจำคุณได้อย่างเที่ยงตรงด้วยเหตุว่าชเวซังอึนหรือเจมี่เปรียบได้เสมือนดั่งรักแรกพบของเขาและก็เขาเผ้าคอยคุณมานานมากแล้วเพียงพอแพทย์โรสพบกับคำสาปแช่ง ตัวหนังก็ยังสะท้อนสิ่งที่โรสพบผ่านอารมณ์ ความย้อนถกเถียงด้วยอาการต่างๆที่จะว่าไปรวมทั้งสามารถเชื่อมโยงกับสถานการณ์ลักษณะของการป่วยทางใจที่เจอได้ในทางจิตวิทยา ทั้งยังสภาพการณ์ทางจิตใจข้างหลังพบสถานะการณ์สะเทือนจิตใจร้ายแรง
รีวิว Poong, the Joseon Psychiatrist (Season 2)
ภายหลังได้รับการตอบกลับที่ดี Poong, the Joseon Psychiatrist ก็จัดแจงลงหน้าจอซีซัน 2 ในมกราคมที่จะถึงนี้แล้วจ้ะ โดยในซีซันแรกได้บอกเล่าเรื่องราวของยูเซท้อง (คิมไม่นแจ) เขาเป็นหมอประจำวงศ์สกุลแต่ว่าวันหนึ่งเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องราวอะไรบางอย่างด้วยความบังเอิญ หรือ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) โรคเหงาหงอย (Depression) โรคแพนิก (Panic Disorder) และก็โรคย้ำคิดย้ำทำ
ทำให้ยูเซท้องถูกเฉดหัวไล่ออกมาจากวังแล้วก็เขาก็ได้เริ่มดำเนินการในหมู่บ้านคเยซูที่แปลก ในหมู่บ้านที่นี้ยูเซท้องได้พบกับมิตรภาพมากไม่น้อยเลยทีเดียวอีกทั้งซออึนอู (คิมฮยังกี) แล้วก็กเยจีฮัน (คิมซางคยอน) ยูเซท้องเลยร่วมมือกับเหล่าพวกเพื่อปรับปรุงหมู่บ้านคเยซูให้เป็นหมอสุดที่รักษาโรคทางกายรวมทั้งความเจ็บทางด้านจิตใจของคนเจ็บ ถึงแม้ตัวหนังจะเพียรพยายามเล่าและก็จัดรูปแบบขั้นตอนการแบบหนังสยองขวัญอาร์ตๆเฮี้ยนๆ
หรือ OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) ซึ่งสิ่งที่โรสกำลังเป็นข้างหลังพบเรื่องราวนั้นก็ดูเหมือนจะคล้ายกับรอยโรคที่ระบุให้แปลความหมายได้ว่า คุณคงจะกำลังจะมีอาการทางใจอะไรได้บ้าง ซึ่งมันก็สะท้อนให้มีความคิดเห็นว่าตัวหนังฉลาดหลักแหลมสำหรับในการถือเอาหลักสำคัญจิตวิทยามารื้อสร้างใหม่ รวมทั้งสร้างบรรยากาศบีบคั้นเชิญชวนให้สติแตกได้เข้าทีดีทีเดียว
วันหนึ่งแบ็คยุยงนยองจะต้องพบเจอกับคดีสะเทือนใจที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณตลอดกาลเพราะว่าแบ็คยุยงนยองและก็ยุยงนแฮจุนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในปี 1987 ตรงนั้น ยุยงนแฮจุนนำได้บากบั่นค้นหาเรื่องจริงเบื้องหน้าเบื้องหลังคดีการสังหารสม่ำเสมอ gomovies ส่วนแบ็คยุยงนยองอุตสาหะกีดกั้นไม่ให้บิดามารดาของคุณสมรสกัน วัตถุประสงค์ของทั้งคู่คนเป็นอย่างไรกันแน่อย่าลืมไปติดตามกันจ้ะ
อีกความแจ๋วของตัวหนังก็คือ การผลิตบรรยากาศสยองขวัญแบบไต่ระดับได้ดิบได้ดีเกินคาดเลยนะครับ ถึงแม้ว่าตัวหนังเองจะใช้มุก Jump Scare ตามสูตรสำเร็จหนังสยองขวัญทั่วๆไปนั่นแหละ แล้วก็เห็นด้วยว่าคนเขียนเองแอบจิ๊ปากตอนมองเห็น Jump Scare แรกในหนังที่ชักชวนให้เผลอคิดไปว่า มันจะเป็นหนังสยองขวัญห่วยแตกๆที่ถูกใจ Jump Scare มากเกินไปหรือไม่ (วะเนี่ย)
แม้กระนั้นพอสมควรไปคนเขียนถึงคิดว่าในความเป็นจริงแล้ว อีตาผู้กำกับนี่ขี้แกล้งชะมัดเลย และการปูบรรยากาศสยดสยอง ความไม่น่าไว้วางใจ (ว่าคนใดจะยิ้มเป็นรายต่อไป) การเล่นกับความมืดมน รวมทั้งฉากโหดเหี้ยมสยดสยองสุดเขตเรต R ที่กระซวกกันแบบจะๆทำให้แปลงเป็น Jump Scare จังหวะแดนนรกทีเล่นทีจริง ที่ทำร้ายผู้ชมให้เสียวตกใจสันหลังวาบได้ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าจะทราบทั้งยังรู้อยู่แล้วว่าโดนแกล้งก็ตาม
รีวิว Crash Course in Romance
บอกเล่าเรื่องราวของนัมฮังซุน (จอนโดยอน) คุณเคยเป็นนักกีฬากลุ่มชาติแต่ว่าในตอนนี้ผันตัวมาเปิดร้านขายอาหาร นัมฮังซุนมีท่าทางที่ดีแล้วก็มีความแข็งแกร่งมากมายก่ายกอง เพื่อการทำงานต่างๆราบรื่นนัมฮังซุนได้เข้าห้องเรียนที่ศูนย์การเรียนรู้เอกชนอีกที ซึ่งตรงนี้เป็นที่สำหรับผู้เรียนที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย สถานที่ที่นี้ทำให้นัมฮังซุนได้พบกับชเวชียอล (จองคยองโฮ)
แม้กระนั้นด้วยเนื้อหานั้นเอาเข้าจริงก็ยังมิได้ถึงกับลึกซึ้งเชิญให้แปลความหมายหรือคิดต่อข้างหลังมองจบ และก็เอาเข้าที่จริงแล้วมันก็เป็นหนังแมสที่มองง่าย เชื่อมโยงเรื่องง่ายโดยในซีซันที่ 2 จะบอกเล่าเรื่องราวดังเดิมจ้ะแม้กระนั้นในยุคนี้เป็นสมัยที่มีความปั่นป่วนมากยิ่งกว่าเดิม ยูเซท้องจะสืบต่อเป้าหมายของตนเองได้ไหมอย่าลืมไปติดตามใน Poong, the Joseon Psychiatrist 2 กันนะคะ คนไหนกันแน่ที่ถูกใจซีรีส์แนวการแพทย์แล้วก็แนวพีเรียดต้องห้ามพลาดจ้ะ
ถึงแม้ว่าไอเดียของหนังจะน่าดึงดูด รวมทั้งการเดินเรื่องก็จัดว่าทำออกมาได้ไหลลื่นมองสนุกสนานได้แม้ว่าจะยาวแทบ 2 ชั่วโมง องก์แรกนำเรื่องด้วยจังหวะสยองขวัญทริลเลอร์โหดเหี้ยมๆแปลงเป็นหนังสอบสวนสืบสวนในองก์ลำดับที่สอง รวมทั้งผลักไปเป็นหนังสยองขวัญสุดกำลังในองก์ท้ายที่สุด แต่ว่าถึงกระนั้นก็ตาม ตัวหนังก็ดูเหมือนจะมีปัญหาใหญ่น่าพิจารณาก็คือ เมื่อถอยออกมามองไกลๆจะพบว่า ที่จริงแล้วตัวหนังก็นับว่าอยู่ในรูปสูตรสำเร็จหนังแนวจำเป็นต้องคำแช่งครับผม
ในช่วงเวลาที่เมียของผู้กำกับ “เกรต้า เกอร์วิก” ก็ยังคงมอบการแสดงชั้นยอดออกมา gomovies คุณปฏิบัติงานได้ดิบได้ดีที่ข้างหน้าแล้วก็เบื้อข้างหลัง เมื่อกลับมารับงานแสดงข้างหน้าอีกที คุณก็ยังทำเป็นดีและก็น่าประทับใจ แล้วก็ที่ลักขโมยซีนไม่น้อยเลย ก็คือ “ดอน ชีเดิล” หากแม้พวกเราบางครั้งก็อาจจะยังไม่เข้าถึงติดอยู่แรกเตอร์ของเขาที่เต็มไปด้วยข้อมูลแล้วก็ปรัชญาเต็มไปมหด แต่ว่าออกมาทุกซีนก็คือน่าประทับใจ
ปัญหาใหญ่อีกจุดที่สำคัญเป็น ตัวหนังดูเหมือนมิได้ให้น้ำหนักกับการลงรายละเอียดกับแก่นของเรื่อง รวมทั้ง Conflict ที่เกิดขึ้นกลางทางมากเท่าไรนัก ก็เลยทำให้การเล่าเรื่องหลายๆจุดดูเหมือนจะกั๊กๆและก็มันก็ทำให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทำให้ตัวหนังเสมือนจะเล่าไปได้ไม่สุด เนื้อหา เงื่อนดราม่าของตัวโรสเอง ทั้งสัญญะรวมทั้งเนื้อหาเบี้ยบ้ายรายทางที่น่าจะเอามาขยี้และก็ส่งต่อเพื่อปูเรื่องให้สะสางว่า ไอ้คำแช่งยิ้มสยดสยองเนี่ย
โดยความเป็นจริงแล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่ แล้วก็โรสน่าจะจัดแจงกับมันอย่างไรได้บ้าง ก็ยังมิได้รับการชี้แจงคลายเงื่อนไว้มากพอ ทำให้ผู้ชมเองก็เข้าไม่ถึงเงื่อนของเรื่อง และก็รู้เรื่อง ต้องการเอาใจช่วยโรสได้ ยิ่งพอลากไปถึงฉากจุดสุดยอดเพื่อจะขมวดปมข้อสรุปในองก์ลำดับที่สาม ก็ยิ่งพาให้เหวอจนถึงงงเต็กหนักไปใหญ่ว่า ตกลงพี่จะเอาอาร์ต เอาดราม่า หรือจะอะไรขอรับเนี่ย ซึ่งคนไม่ใช่น้อยก็บางทีอาจรังเกียจและไม่ซื้อข้อสรุปตัวอย่างที่หนังเลือกจะเป็นไปเลยก็ได้
เมื่อคังแฮจินทราบว่าชเวซังอึนมีอาชีพรับจ้างสมรสเขาก็พอใจคุณมากมาย เนื่องจากว่าเขาต้องการสนิทสนมคุณ ทั้งยังเขายังอยากได้ที่จะป้องกันตัวเองจากการคลุมถุงชนเขาเลยเลือกใช้ชเวซังอึน เวลานี้ชเวซังอึนโมโหอย่างมากเพราะว่าคุณกำลังจะเลิกทำอาชีพนี้แล้วและไม่ถูกใจให้คนไหนมารู้เรื่องเฉพาะบุคคล แต่ว่าก็มีปัญหาด้านการเงินเข้ามาทันทีทันใดทำให้ชเวซังอึนจะต้องตกลงใจร่วมงานกับคังแฮจิน โดยคิวของเขาเป็นวันอังคาร วันพฤหัสบดีและก็เสาร์ซึ่งเป็นคิวที่สลับกันกับจองจีโฮ
รีวิว Vigilante
เป็นซีรีส์เกมแนวอาชญากรรมแล้วก็แอ็คชันที่รีเมคมาจากเว็บไซต์ตูนมีชื่อ โครงเรื่อง Vigilante ได้พาพวกเราไปติดตามชีวิตผู้เรียนสถานที่เรียนตำรวจที่มีชื่อคิมจียง (นัมจูฮยอก) คิมจียงได้สูญเสียแม่ด้วยมือของผู้กระทำผิดกฎหมายชื่ออื้อฉาวตั้งแต่ยังเด็ก ภายหลังที่แม่ของเขาเสียชีวิตไปชีวิตของคิมจียงก็เต็มไปด้วยความมืดดำ เขาสาบานว่าจะเอาคืนให้ได้ ทำให้คิมจียงได้จัดตั้งขึ้นหน่วยงานใต้ดินขึ้นมารวมทั้งได้เปลี่ยนเป็นศาลเตี้ยเพื่อฆ่าผู้ทำผิดกฎหมาย ท้ายที่สุดแล้วคิมจียงก็ได้แปลงเป็นบุคคลที่กลุ่มหน่วยสอบสวนกำลังตามหาสูงที่สุด
ชเวชียอลเป็นคุณครูยอดนิยมอย่างยิ่งในศูนย์การศึกษาเล่าเรียนเอกชนแล้วก็เขาก็มีนามแฝงว่า Ilta Instructor (อาจารย์ยอดนิยม) เขาทำงานมากรวมทั้งทุ่มเทให้กับการสอนอย่างยิ่ง แม้กระนั้นยิ่งเขาประสบผลสำเร็จเยอะแค่ไหนก็ยิ่งทำให้เขาแปลงเป็นคนหวั่นไหวรวมทั้งเริ่มไม่สนใจผู้คนเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งเขาได้พบกับนัมฮังซุนที่มีท่าทางเชิงบวกอยู่เป็นประจำแล้วก็ทำให้เขาเริ่มหลงเสน่ห์คุณ
ส่วนในด้านการแสดง อันนี้ก็จำต้องกล่าวถึง โซซี เบคอน (Sosie Bacon) เป็นหลักครับ เพราะว่าเกือบจะเป็นตัวละครเดียวที่หามหนังอีกทั้งเรื่องเอาไว้ และการที่ตัวหนังไม่มีดาราหนังแม่เหล็กเลย แม้กระนั้นการแสดงของคุณก็นับว่าน่าดึงดูดทีเดียวล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพการณ์สติแตกของคุณที่เบาๆเผยตัวออกมาเรื่อยรวมทั้งถ้าเกิดพินิจดีๆอิริยาบถของคุณก็ดูเหมือนจะบ่งชี้ถึงอาการทางด้านจิตที่นักเขียนเล่าไปตอนแรกได้ด้วย แม้ว่าจะยังไม่ถึงกับเป็นหน้าที่ที่น่าจำ แม้กระนั้นก็นับว่าทำเป็นไม่ผิดหวัง
ส่วนประกอบงานสร้างของ White Noise ก็นับว่าเก็บเนื้อหาได้ค่อนข้างจะดี โปรดักชั่นวางแบบสร้างความเป็นสมัย 80s ออกมาได้น่าประทับใจ งานภาพและก็มุมกล้องถ่ายรูปต่างๆของหนังประเด็นนี้ก็ทำออกมาก้าวหน้าตามมาตรฐานของผู้กำกับผู้นี้ แม้ว่าจะมิได้มีอะไรสะดุดตาเป็นที่สุด แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นการให้ความสนใจในงานโปรดักชั่นที่ค่อนข้างจะถูกใจดี พร้อมทั้งเก็บเนื้อหาสำหรับเพื่อการใส่เสียดสังคมอเมริกาแบบพอได้
แม้ White Noise บางครั้งก็อาจจะยังไม่ใช่หนังที่ซื้อใจผู้ชมได้สักเท่าไหร่ เพราะเหตุว่าหนังเต็มไปด้วยหัวข้อรวมทั้งข้อมูลต่างๆเยอะแยะแสนวุ่นวาย โดนจับโยนมาใส่ให้ผู้ชมได้แบกรับเพียงคนเดียว มีอีกทั้งความเป็นหนังหายนะ เป็นหนังครอบครัว เป็นหนังลึกลับ แต่ยังไม่สามารถที่จะผนึกรวมเข้าไว้กลมกลืนได้อย่างมีคุณภาพ ถึงจะได้เรื่องแสดงที่สุดยอดจากแคสติ้งชุดนี้ แม้กระนั้นนี่คงเป็นหนังที่ดีแต่ยังไม่มีอะไรให้น่าคลั่งไคล้เยอะแค่ไหน
รีวิว Ticket to Paradise
เรียกว่าเป็นศิลปินคู่ขวัญเบอร์ใหญ่อีกคู่ของแวดวงหนังฮอลลีวูดก็ว่าได้ครับ สำหรับสุภาพบุรุษชายหนุ่มหล่อมากมายความสามารถ จอร์จ คลูนีย์ (George Clooney) แล้วก็ผู้แสดงหนังรอมคอมระดับขุ่นแม่ ผู้ครอบครองสมญานามสตรีบานชุ่มฉ่ำ จูเลีย โรเบิร์ต (Julia Roberts) ที่นับได้ว่าเป็นคู่ขวัญที่เหมาะเหม็งสมน้ำสมเนื้อด้วยความสามารถการแสดงที่ประกันความตึงด้วยการครอบครองรางวัลออสการ์กันมาแล้วทั้งสอง
รวมทั้งทั้งคู่คนก็เคยร่วมงานแสดงร่วมกันมาแล้วหลายครา ในขณะที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาแวบๆแล้วก็ที่มาปะทะหน้าที่กันตรงๆอย่างเช่น ‘Ocean’s Eleven’ (2001), Ocean’s Twelve (2004), ‘Confessions of a Dangerous Mind’ (2002) แล้วก็ ‘Money Monster’ (2016) แถมทั้งสองเองก็ไม่ใช่คนอื่นๆไกลอะไรนัก เพราะเหตุว่าในความเป็นจริงแล้วทั้งคู่คนก็เป็นเพื่อนซี้ย่ำปึ้กนอกจอกันมาตั้งนานแล้ว
ในฐานะที่ผู้เขียนได้เคยเขียนเรื่องราวการผจญภัยของชิกกี้มาแล้ว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องราวที่ฟังดูเหลือเชื่อและน่าสนุกดี สมกับที่เรื่องราวนี้ไม่เคยห่างหายไปตลอด 50 กว่าปีที่ผ่านมานี่ แต่การที่เรื่องราวนี้จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ได้นั้น ก็ยังสร้างความรู้สึกแคลงใจว่า เรื่องราวของหนุ่มนิวยอร์กหิ้วเบียร์มาฝากเพื่อนที่รบอยู่ในเวียดนามนั้น การเล่าสู่กันฟังแบบสั้น ๆ ก็ดูน่าสนใจดี
ความเกี่ยวพันของพัคชางโฮรวมทั้งโกมีโฮเป็นความสมาคมที่อบอุ่นใจมากมายจ้ะ พัคชางโฮและก็โกมีโฮรู้จักแล้วก็เจอกันมาตั้งแต่ยุคเรียนทำให้ทั้งสองเข้าอกรู้เรื่องกันอย่างดีเยี่ยม เมื่อผ่านตอนมหาวิทยาลัยรวมทั้งเริ่มมีการงานป้อมปราการอาจ พัคชางโฮและก็โกมีโฮก็ได้สมรสแล้วก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ตอนแรกพัคชางโฮเป็นลูกกำพร้าแม้กระนั้นเมื่อเขาสมรสกับโกมีโฮเขาก็ได้รับความรักจากเมียรวมทั้งพ่อตา
ซึ่งโกกีกวางผู้เป็ยพ่อตาก็รักพัคชางโฮมากกว่าลูกแท้ๆเสียอีก ในตอนปฏิบัติงานโกมีโฮดำเนินงานเป็นพยาบาล คุณเป็นผู้ที่มากเรื่องมากความสามารถแล้วก็ทราบรอบก้าน ส่วนพัคชางโฮดำเนินการเป็นทนาย แน่ๆว่าเขามิได้รักอาชีพนี้มากแค่ไหนแม้กระนั้นเขาคิดว่าทนายเป็นอาชีพที่ทำเงินได้เยอะแยะก็เพียงเท่านั้นสำหรับในการหางานทำเพื่ออุปการะตนเอง ไม่ใช้ว่าจะง่ายอีกด้วยเหมือนกัน เนื่องจากการเช็ดกตีตราว่าเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายมือสังหาร ทำให้คนอื่นๆในสังคมกลัว
รีวิว ‘Smile ยิ้มสยดสยอง’
โดยสรุปแล้วหลังจากนั้นก็เป็นหนังแนวจำเป็นต้องคำแช่งที่มีไอเดียน่าดึงดูด รวมทั้งสาระของเรื่องเองก็น่าดึงดูดอยู่ เพียงแต่ว่ามันยังมิได้รับการขยี้คลี่คลายเงื่อนออกมามากพอ ตัวหนังมองสนุกสนานด้วยการเล่าเรื่องที่ตื่นเต้น ฉากสยดสยองติดตาที่เชื้อเชิญตกใจ แล้วก็ฉากชั่วร้ายที่ห้ามพาเด็กๆมาดูเด็ดขาด (ถ้าเกิดไม่ต้องการให้น้องๆร้องไห้เยี่ยวราดรดเบาะแล้วก็กลับไปอยู่ที่บ้านนอนไม่หลับ)
หากแม้คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจซึ้งกับเงื่อนดราม่าที่ปูไว้นิดเดียว บางบุคคลบางทีอาจไม่ซื้อกับการขมวดสรุปเงื่อนที่เชิญชวนให้ร้องว่า วดฟาเรนไฮต์ แต่ยังไงซะก็นับได้ว่าเป็นโปรแกรมที่น่าดึงดูดแล้วก็เกินคาดสำหรับคนชอบดูหนังสยองขวัญในตอนฮาโลวีนนี้ครับผม gomovies ข้างหลังมองจบนักเขียนมั่นใจว่า ขั้นต่ำๆก็คงจะทำให้ดูรอยยิ้มของคนที่อยู่รอบข้างได้ไม่สนิทจิตใจแน่นอนล่ะแต่ว่าท้ายที่สุดรูธได้ทำงานที่โรงงานเฉือนปลา รวมทั้งในเวลาเดียวกันคุณเองยังมีความอุตสาหะ
จนกระทั่งเมื่อผู้แสดงแล้วก็โปรดิวเซอร์มีชื่ออย่าง กางรต พิตต์ (Brad Pitt) ได้ร่วมอำนวยการสร้าง โปรเจกต์หนังหัวข้อนี้ก็โดนจับจ้องมองมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะสำเร็จหน้าที่ควบคุมรวมทั้งเขียนบทจากผู้กำกับที่ส่งผลงานไม่มากมายชิ้นอย่าง แอนดรูว์ โดมินิก (Andrew Dominik) ที่เคยส่งผลงานหนังประวัติครึ่งหนึ่งกลอนเรื่อง ‘The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford’ (2007) แล้วก็ ‘Killing Them Softly’ (2012) ก็ตามแต่
พัคชางโฮเป็นผู้ที่ไม่จริงจังอะไรสักอย่างแม้กระนั้นโกมีโฮก็เป็นอันมากหัวใจให้เขาเสมอ โกมีโฮข่มขู่ว่าจะหย่ากับพัคชางโฮบ่อยครั้งแม้กระนั้นคุณไม่เคยคิดจริงสักหนึ่งครั้งเพียงแค่ต้องการที่จะให้เขาปรับปรุงแก้ไขตัวบ้างก็เพียงแค่นั้น ในที่สุดพัคชางโฮจำคุกโกมีโฮก็เป็นคนแรกที่ไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นบิ๊กเมาส์รวมทั้งอุตสาหะหาหลักฐานทุกสิ่งเพื่อช่วยผู้เป็นผัว แม้กระนั้นคนเขียนก็หวังอย่างยิ่งนะคะว่าครอบครัวนี้อาจจะไม่มีผู้ใดที่เป็นบิ๊กเมาส์ (Big Mouse) ตัวจริงแอบซ่อนอยู่
ถ้าเกิดวัดจากงานภาพสิ่งเดียว ‘Athena’ เป็นภาพยนตร์ที่ท้าข้อจำกัดสำหรับเพื่อการถ่ายทำแบบไม่มีขอบเขตจริงๆหลายช็อตที่ถ่ายออกมาทราบเลยว่าใช้ช่างถ่ายรูปที่มีความสามารถสูงมากมายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งซีนเปิดเรื่องที่เบื้องหน้าเบื้องหลังชี้ให้เห็นว่ามีการรับส่งกล้องถ่ายรูปกันแบบเสี่ยงตายมากแค่ไหน ไปจนกระทั่งการออกแบบฉากการรบที่มีทั้งยังดอกไม้ไฟแฟลร์รวมทั้งระเบิด ก็ทำให้ภาพที่ออกมามองอีพิค
ในเวลาเดียวกันก็สามารถจัดแจงของหวานนมเนยไว้แกล้มเสียงหัวเราะ ที่บอกเลยว่ารื่นเริงแน่ๆเพราะว่าผลงานของ SBS ตอนนี้มาในต้นแบบคอมเมดี้แต่ว่ายังคงหนักแน่นไปด้วยรายละเอียดของข้อบังคับที่ยังคงความละเอียดน่าติดตามยืนยันได้จากสองผู้เขียนฝีมือยอดเยี่ยม ชเวซูจิน รวมทั้ง ชเวชางฮวาน ที่เคยสร้างผลงานชิ้นเอกไว้ใน ‘DInnocent Defendant’ (2017) แล้วก็ ‘Heart Surgeons’ (2018)
รีวิว One Dollar Lawyer
เปิดตัวมาอย่างปั๊วะปังด้วยเรตแย้ง 8.1% เรียกว่าสูงสุดของปีนี้กันอย่างยิ่งจริงๆ แน่ๆว่าการเปิดตัวคราวนี้เพราะว่าผู้แสดงนำฝ่ายเป็นเหตุ ก็ทั้งยังนัมกุงมิน และก็คิมจีอึน เคยร่วมงานกันมาก่อนใน ‘The Veil’ (2021) ในฐานะคู่คิดเคมีล้ำเลิศ การกลับมาตอนนี้ก็เลยเรียกความพึงพอใจของแฟนคลับได้ไม่น้อย แล้วก็พวกเขาก็สามารถประกันผลงานได้ด้วยเรตแย้ง 8.5% ตอนที่สอง ตอกย้ำซ้ำเติมการรอของแฟนๆได้แบบเต็มคำ กับซีรีส์ข้อบังคับสายฮาที่หลบซ่อนดราม่าไว้ไม่มิด
ส่วนชื่อชั้นของผู้กำกับ ไบรอัน เราดแมน (Brian Goodman) เองจริงๆก็นับว่าเพียงพอมีเครดิตอยู่บ้างทั้งยังในฐานะดาราหนังที่พวกเราคุ้นๆอีกทั้งในบทบทพันตรีบอสเวลล์ (Major Boswell) บิดาของ ฌอน บอสเวลล์ (Sean Boswell) ใน ‘The Fast and the Furious: Tokyo Drift’ (2006)และก็บทผู้ครอบครองโมเต็ลใน ‘Catch Me If You Can’ (2002) แม้กระนั้นก็จำต้องเห็นด้วยว่าพวกเราชาวไทยตาดำๆบางทีอาจจะมิได้ชินตาเขาในฐานะผู้กำกับหนังที่เคยผ่านงานควบคุมมาแล้วมากเท่าไรนัก
โดยยิ่งไปกว่านั้นผลงานควบคุมหนังที่ไม่คุ้นชื่อชาวไทยเยอะแค่ไหน ทั้งยัง ‘What Doesn’t Kill You’ (2008) รวมทั้ง ‘Black Butterfly’ (2017)เรียกว่าเป็นความฮาแบบโบ๊ะบ๊ะที่ไม่ไม่เป็นประโยชน์เลยนิดหน่อย เพราะเหตุว่าทุกๆความประพฤติล้วนมีเหตุมีผลรวมทั้งแอบแฝงไว้ด้วยสาระในเส้นเรื่องกระทั่งพูดได้ว่าเกือบจะทุกอนู ด้วยการใช้เหตุในชีวิตของคนเรา ที่ดูจากข้างนอกนั้นแสนจะปกติมาผูกปมเกิดเรื่องราวที่มีเพียงแค่คนที่ตั้งใจมันเพียงแค่นั้นจะร้องเอ๊ะกับความธรรมดาพวกนั้น
ซึ่งทนายความพันขอร้องงพวกเราคนนี้เขาแลเห็นแล้วก็เอาใจใส่ทุกชีวิต ทุกความทุกข์ร้อนที่ผ่านเข้ามาให้เขาได้เจอและไม่เคยได้เห็นเกิดเรื่องน้อย จนถึงพวกเราจับดูได้ว่า โน่นเพราะเหตุว่าเขาเคยพลาดในมุมนั้นๆมาก่อน ก็เป็นการแอบแฝงดราม่าที่พวกเราทราบว่าควรจะมี และก็จัดเตรียมคอยรับความซาบซึ้งกันได้เลยเรื่องสำคัญและก็คำถามของซีรีส์หัวข้อนี้ก็คือคนไหนที่เป็น “บิ๊กเมาส์ (Big Mouse)” ถ้าเกิดพวกเรามองเห็นจากในเรื่องเดิมทีพัคชางโฮเป็นทนายระดับสามที่รู้จักกันในชื่อบิ๊กเมาธ์ (Big Mouth)
แต่ว่าเหตุการณ์กลับตาลปัตรก็ไก้เกิดขึ้นทำให้เขาเปลี่ยนเป็นมิจฉาชีพอัจฉริยะในชื่อบิ๊กเมาส์ (Big Mouse)ในชั่วช้าข้ามคืนแล้วก็เขาก็จะต้องติดตะรางด้วย เมื่อปัญหานี้เกิดขึ้นพัคชางโฮรวมทั้งโกมีโฮก็ได้ด้วยกันคิดแผนเพื่อเผยบิ๊กเมาส์ตัวจริง แต่ว่านอกเหนือจากพัคชางโฮรวมทั้งโกมีโฮรวมทั้งมีอีกหลายผู้แสดงที่ปรารถนาเผยตัวตนของบิ๊กเมาส์ ตัวอย่างเช่น นายกเทศมนตรีเราชอนที่จะติดต่อน้องสาวที่พลัดจากกันไปตั้งแต่ก่อนคุณเข้าตาราง
ผู้อำนวยการโรงหมอข้าชอนรวมถึงหัวหน้าหน่วยงานลับ NR Forumแต่ว่าอาจจะจำต้องกล่าวว่าการเลือกโดมินิกเป็นการเลือกผู้กำกับได้ถูกฝาถูกตัว ยิ่งเมื่อมองเห็นฝีมือในหนังอัตประวัติของ เจสซี เจมส์ มาแล้ว การเล่าเรื่องผ่านสุนทรียะทางภาพแบบประพันธ์มันช่างไปได้สวยกับนิยายของโอตส์ ที่บันดลดลเรื่องราวของมอนโรได้อย่างเข้มข้นเต็มไปด้วยการพิจารณาถึงจิตวิทยาในเรื่องความก้าวหน้าของผู้แสดงแต่ว่าแทนที่จะดำเนินเรื่องไปตามตรรกะเบาๆเรียงร้อย
ก่ออิฐก่อสร้างบ้านให้มองเห็นร่างเด็กสาวที่ไร้เดียงสานาม นอร์มา จีน เบาๆแปลงร่างจากการเช็ดกสาดหลายสีใส่ผ้าใบสีขาวขุ่นไม่สิ้นสุดกระทั่งแปลงเป็น มาริลิน มอนโร เหมือนกับก่อนหน้านี้ โดมินิกกลับจับหัวใจของความหลงอยู่ในวงกตที่ฝัน shortded ที่เหมือนคนสะลึมสะลือไป ยิ่งใหญ่แล้วก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เชิญชวนให้คิดถึงสารหัวข้อการต่อสู้ด้านชนชั้นที่งานภาพติดต่อได้อย่างเห็นได้ชัดแล้วก็สุขุม