ดูหนัง ออนไลน์ Think Like a Dog (2020) คู่คิดสี่ขา ดูหนังผ่านเน็ต Think Like a Dog เต็มเรื่อง (2020) คู่ขาสี่ขา เมื่อเด็กอัจฉริยะอย่างโอลิเวอร์ค้นเจอแนวทางที่ทำให้เขาได้ยินความนึกคิดของหมา เขาก็เลยร่วมมือกับเพื่อนสนิทสี่ขาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาข้างในครอบครัวของตน หนังเด็กของ Netflix แนวครอบครัวผสมไซไฟตลกๆกับไอเดียการอ่านความคิดสัตว์เลี้ยงได้ ด้วยความเป็นหนังเด็กเรื่องก็เลยไม่ได้ควรมีเหตุผลอะไรจำนวนมาก เปิดเรื่องมาตัวนำ “โอลิเวอร์” ก็สร้างเครื่องนี้เสร็จแล้ว
แม้ว่าเมื่อนำมันมาแสดงโชว์ในงานของโรงเรียนกลับขาดตกบกพร่องจนกว่าทำให้เขาขายหน้า รวมทั้งตกลงปลงใจนำมันกลับมาใช้กับ “เฮนรี่” หมาเพื่อนรักตั้งแต่เด็ก รวมถึงได้รับการช่วยเหลือเกื้อกูลจากเพื่อนระยะไกลในจีนช่วยแฮ็กดาวเทียมที่เป็นอย่างกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้มาช่วยเลื่อนฐานะการประมวลผลของเครื่องนี้ให้เสร็จ ซึ่งก็กลายเป็นว่าเขาถูกรัฐบาลตามหาตัวการแฮ็กดาวเทียม และยังถูกผู้ครอบครองบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ “แรม ไม่ลส์” จ้องดูฮุบเทคโนโลยีอ่านความรู้สึกนึกคิดนี้ไปเป็นของตัวเอง
เรื่องราวย่อ ดูหนัง ออนไลน์ Think Like a Dog (2020) คู่คิดสี่ขา
หนังสร้างเงื่อนให้ตัวนำมีปัญหาไม่กล้าพูดสิ่งที่คิดจริงๆออกไป ทั้งยังกับสาวน้อยเป้าหมายปองไว้ ปัญหาภายในครอบครัวที่บิดามารดากำลังแยกทาง แล้วก็เขาไม่รู้เรื่องเหตุผลของคนวัยชรา จนกระทั่งทำให้เอามาผลิตเครื่องนี้เพื่อจะได้อ่านความรู้สึกนึกคิดได้ ตัวหนังมีความง่ายอย่างยิ่งกับทุกเงื่อนในเรื่องมีทางออกมาจากการแนะนำของหมาเพื่อนเกลอเฮนรี่ ทำให้ตัวเรื่องไม่มีลุ้นอะไรเลยนิดนึงเดียวเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันแก้ได้อย่างง่ายดายจากที่หมาคิด
และนำไปหมด แม้ว่าจะอุตสาหะบอกว่าการคิดแบบหมา มีมุมมองแบบหมาที่ง่ายๆทำให้เฉลยของผู้คนได้ดีกว่า แม้กระนั้นมันก็ง่ายจนตราบเท่าอย่างมากจนตราบเท่าไม่สามารถที่จะเอามาสอนอะไรเด็กได้เอาจริงเอาจังเลย ยกตัวอย่าง บิดามารดาจะแยกทางกันก็ให้เปิดเพลงงานมงคลสมรสแล้วจะคืนดีกัน ปรารถนาเชื้อเชิญสาวไปงานงานกินเลี้ยงก็พูดตรงไปตรงมาซึ่งถ้าหากหนังมีปัญหาบ้างสักนิดให้ดูไม่เหมือนอย่างที่คิดอะไรบ้างก็ยังดี แม้กระนั้นในเรื่องไม่มีเลยแม้แต่หน่อยเดียว หมาเสนอแนะทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกหมด จนกระทั่งไม่เหลืออะไรให้ลุ้นเลยนิดหนึ่ง
สลับกันฝั่งตัวร้ายแล้วก็ฝ่ายรัฐบาลที่มาตามหาตามล่าเด็กกลับมีอะไรที่พอให้สนุกอยู่บ้าง ดูหนัง ออนไลน์ Think Like a Dog (2020) คู่คิดสี่ขา จากการที่พากเพียรหลอกเอาเทคโนโลยีไปใช้ โดยฉากหน้ามองดูเป็นคนดีน่าศรัทธา แต่เบื้องหลังเป็นฆาตกรตัวฉกาจ ตัวเรื่องมีฉากที่จีนหลายครั้งจาก “เซียว” มิตรสหายของโอลิเวอร์ที่นับเป็นคนช่วยประดิษฐ์วัสดุนี้ หลายฉากก็เอาใจจีนสุดๆด้วยการนำเสนอว่าที่ประเทศนี้ฯลฯตำหรับของนักคิดค้นโบราณของโลก ซึ่งก็มีความรู้สึกว่าแปลกๆดีที่หนัง Netflix ขยันหมั่นเพียรเอาใจจีนจำนวนมาก มีฉากกำแพงเมืองจีน ฉากอื่นๆอีกหลายฉากเสมอเหมือนยกกองถ่ายไปที่ตรงนั้นจริงๆ
แต่หนังยังมีลักษณะเด่นสำคัญอยู่ที่ตัว “เมแกน ฟ็อกซ์” Think Like a Dog (2020) นักแสดงสาวภาพลักษณ์น่าชื่นชมจากทรานฟอร์เมอร์ที่ผ่านมาเป็นสิบปีก็ยังจำกันได้ แต่ระยะหลังแล้วต่อจากนั้นคุณแอนตี้การขายร่างกายโดยไม่เน้นบทที่คณะทำงานหนังฮอลลีวู๊ดมักยัดเยียดให้ท่านเป็นอย่างไม่เต็มใจ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีฉากไหนให้ดูแล้วติดภาพแบบนั้นเช่นกัน แต่คุณก็ยังน่าชื่นชอบ มองดูเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์ในตัวไม่แปลง แม้ว่าจะแก่ขึ้นเป็นสิบปีแล้วก็ตาม
ส่วนตัวเอกโอลิเวอร์ Gabriel Bateman ที่เล่นหนังดังมาหลายเรื่องแล้วอย่าง Child’s Play เวอร์ชั่นรีบู๊ทเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร มีความน่ารักน่าเอ็นดูเล่นล้ำหน้าตามบท ก็แค่ตัวบทไม่ได้มีอะไรให้เขาได้โชว์เอง เพียงต้องเล่นเข้าคู่กับหมาที่ทั้งเรื่องก็ไม่ได้มีท่าทางอะไรนักนอกจากหน้านิ่งๆแต่ใส่เสียงพูดเข้าไป กับกระโดดประทับใจอะไรพวกนี้ผลสรุป: คู่หูสี่ขาซึ่งตัวน้องหมาในเรื่องก็ไม่ได้เด่นอะไรมากด้วย เลยทำให้เรื่องนี้ดูจืดจางๆเข้าไปอีก แถมยังยัดมุมมองของหมาคิดอะไรแบบไม่ค่อยเข้าทีมาด้วย อย่างหมาไม่อยากให้เก็บขี้หมาเนื่องด้วยอาย (แทนที่จะเล่นเรื่องหมากินขี้ตัวเองทำไมแบบงี้) ซึ่งก็ไม่เคยทราบว่านักเขียนบทรีเสิร์ชอะไรขนาดไหน เพราะเหมือนกับแต่ละอย่างคิดเองแล้วใส่ไปกะให้ขบขันๆเพียงแค่นั้นครับ
รีวิวหนัง “Cassandro ค้างสซานโดร” ดูหนัง ออนไลน์ Think Like a Dog (2020) คู่คิดสี่ขา
แล้วก็นี่เป็นตำนานของนักมวยปลุกปล้ำที่โลกได้กระทำการจารึกเอาไว้ กับการต่อสู้ที่จะต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยน้ำตาแล้วก็เกียรติยศจำนวนมาก เพื่อได้มาสู่การยินยอมรับโดยปกติ กับชีวิตของนักสู้ชาวรักร่วมเพศใน “Cassandro ค้างสซานโดร” ที่เป็นการเปิดเผยเรื่องราวของเขาที่ถูกกล่าวขานต่อกันมากมายว่า 40 ปี จากทางจุดเริ่มสู่การความชัยที่อยู่เหนือหัวจิตใจตนเองเรื่องราวชีวิตของ ซาอุล อาร์เมนดาริซ นักสู้บนสังเวียนมวยปล้ำจากชายแดนอเมริกา-ประเทศเม็กซิโก ที่มีสมญานามในแวดวงว่า ค้างสซานโดร ที่ตั้งชื่อตามจากนางเอกละครน้ำเน่า เปลี่ยนมาเป็นนักสู้สายเอ็กโซว่ากล่าวโกชาวรักร่วมเพศที่ประสบผลสำเร็จรวมทั้งเป็นที่รู้จักระดับประเทศในตอนสมัยปี 1980s ท่ามกลางแสงสีแล้วก็ความสับสนในห้วงสมัยที่เต็มไปด้วยบททดลอง
Cassandro เป็นหนังที่่ค่อนข้างจะสร้างผลงานออกมาได้เด่นจากเทศกาลหนังซันแดนซ์ เมื่อตอนต้นปีให้หลัง จากเสียงตอบรับของหนังที่ได้ออกมา นี่เป็นผลงานการดูแลรวมทั้งร่วมเขียนบทของ “โรเจอร์ รอคอยส วิลเลียมส์” นักสร้างภาพยนตร์ที่กำลังเป็นด้ามจับตามอง ภายหลังที่เคยแจ้งเกิดขึ้นมาจากหนังสารคดี Life, Animated เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ในด้านงานควบคุมนับว่าเขาทำออกมาเจริญไม่น้อย ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ออกมาได้อย่างเรียบง่ายแม้กระนั้นเต็มไปด้วยใจความที่ทรงอำนาจ ผ่านการร้อยเรียงของภาพแล้วก็งานศิลปต่างๆที่ทำให้หนังประวัติส่วนตัวประเด็นนี้เต็มไปด้วยอรรถรสความเบิกบานใจที่คลุกไปกับฉากชีวิตของคนคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยรสจำนวนมากที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เขาได้ร่วมเขียนบทกับ “เดวิด หนค” ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วหลายหน โดยพวกเขาทั้งสองใช้เวลาปลุกปั้นเขียนบทหนังหัวข้อนี้นานร่วมปี โดยได้แรงผลักดันมาจากหนังสารคดีเรื่องสั้น The Man Without a Mask ที่พวกเขาเคยสร้างไว้ภายในปี 2016 รวมทั้งเอามาขยายเผยเรื่องเล่าให้ยาวยิ่งขึ้น ผ่านมุมมองชีวิตของ ติดอยู่สซานโดร ตัวจริง ที่ปฏิบัติภารกิจเป็นที่ปรึกษาด้วยโชคดีที่ชีวิตของค้างสซานโดรออกจะเต็มไปด้วยสีสันอันจัดจ้าบนสังเวียนอยู่แล้ว แต่ว่าหนังออกจะเปลี่ยนทิศทางมาย้ำชีวิตของค้างสซานโดรในอีกมุมมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมความเกี่ยวพันระหว่างเขากับแม่ ที่ทั้งสองต่างอุปถัมภ์กันมาตามลำพัง
ทำให้แนวทางการเล่าของหนังจะเน้นย้ำที่เรื่องนี้มากยิ่งกว่าเรื่องราวบนสังเวียน และก็นับว่าเป็นส่วนประกอบที่ทำให้หนังทรงประสิทธิภาพได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเดียวกันแม้กระนั้นมันก็อาจจะส่งผลให้ Cassandro มิได้หวือหวาอะไรเท่าไร เนื่องจากว่าการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจะเรียบง่ายแล้วก็ไปเรื่อยโดยที่มิได้มีอะไรที่เด่นตื่นเต้นมากเท่าไรนัก เดินเรื่องราวไปตามสูตรเดิมของหนังอัตชีวประวัติหวังรางวัลที่พวกเราคงจะเคยได้เห็นเคยมองกันมาก่อน แต่ว่าขั้นต่ำๆใจความของหนังหัวข้อนี้ก็เต็มไปด้วยน้ำหนักที่แข็งแรงดีตลอดทั้งเรื่อง
รีวิวหนัง “The Equalizer 3 พญายมไม่มีเงา 3
เขากลับมาอีกที และก็คราวนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งทิ้งทวนสู่ทางการเกษียณอายุความดุเดือดแบบไม่มีซึ่งความปราณีกับภาคใหม่ “The Equalizer 3 พญายมไม่มีเงา 3” ที่ยังคงได้โอกาสมผู้ผลิตรวมทั้งผู้แสดงนำฝ่ายชุดเดิม มาวาดลวดลายความทริลเลอร์แบบดีเลิศๆถือได้ว่าเป็นการผนึกกำลังกันเพื่อนำไปสู่ที่หมายที่งามของหนังชุดนี้กับฐานะหนังภาคหลักนั่นเอง The Equalizer 3 พญายมไม่มีเงา 3 เล่าราวของ โรเบิร์ต แมคคอลล์ ต่อจากภาคก่อนๆตั้งแต่แมื่อทอดทิ้งชีวิตในฐานะมือสังหารของรัฐบาล เขาก็ได้เจอกับความยุ่งยากสำหรับในการที่จะอะลุ้มอล่วยกับเรื่องเลวร้ายที่เขาเคยทำไปในอดีตกาล
แล้วก็ศึกษาและทำการค้นพบขั้นตอนการอยู่กับมันด้วยการปรนนิบัติความเที่ยงธรรมในฐานะผู้ถูกบังคับ ก่อนที่จะเขามาอาศับอยู่ที่บ้านในอิตาลีตอนใต้ ที่ซึ่งเขาศึกษาและทำการค้นพบสหายใหม่ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ร้ายเขตแดน ในเวลาที่สถานการณ์ร้ายแรงขึ้น แมคคอลล์ ทราบดีว่าสิ่งที่เขาจำต้องทำก็คือ จำต้องปกเพื่อนพ้องของเขาด้วยการจัดการมาเฟีย แน่ๆว่ายังอาจมี “อวงตวน ฟูควา” ผู้กำกับคู่บารมีที่ปลุกปั้นแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่ต้น ยังกลับมารับหน้าที่เดิมของตนอีกที พร้อมด้วยการใส่ลีลาท่าทางรวมทั้งท่วงทีที่ออกจะเป็นสไตล์ที่ไม่เหมือนกับอีกทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมาไปบางส่วน
ด้วยการไล่เรียงจังหวะของหนังอย่างค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เรื่อยๆอะไรก็แล้วแต่คล้ายกับเป็นผู้แทนของความช้าลงของผู้แสดงหลัก อย่าง โรเบิร์ต แมคคอลล์ ที่แปลงเป็นมือสังหารที่วัยโรยราขึ้นไปเรื่อยแล้วมั๊งเอาตามจริง The Equalizer 3 ภาคนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีตอนจังหวะการเล่าเรื่องที่ออกจะยืดยาดแล้วก็เอื่อยเฉื่อยแตกต่างจากภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ถึงจะออกจะช้า แม้กระนั้นหนังก็ยังคงซึ่งไว้เอกลักษณ์ของหนังชุดเอาไว้ได้ครบถ้วนบริบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่แสนแยบยลที่หยอดใส่เข้าไปเจริญ กับท่าทางฉากแอคชั่นต่างๆที่เหมาะเจาะพอดี แล้วก็ยังคงรักษาเส้นเรื่องและก็ติดอยู่แรกเตอร์ความดุเดือดของ โรเบิร์ต แมคคอลล์ เอาไว้ได้อย่างแจ่มแจ้ง
บทหนังของ “ริชาร์ด เว็งก์” บางครั้งก็อาจจะมิได้หวือหวาอะไร ด้วยเหตุว่าเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จแบบเดิมๆและก็เค้าเรื่องก็แสนจะปกติ MeSlot678 แม้ว่าจะอุตสาหะทำให้มันแยบยลและจากนั้นก็ตาม แม้กระนั้นในส่วนประกอบของผู้แสดง โรเบิร์ต แมคคอลล์ ก็ยังทำเป็นดีอยู่เช่นกัน บทสร้างให้เขามีเนื้อมีหนัง มีอารมณ์ และก็ความเป็นคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพียงแค่เสียดายนิดหน่อยที่พล็อตรองแล้วก็ส่วนประกอบเสริมต่างๆของหนังยังคงออกจะมองไม่รัดกุม ที่จะสร้างอารมณ์ประทับใจได้ไปสักนิดสักหน่อย
รีวิวหนัง “Spy Kids: Armageddon พยัคฆินจิ๋วไฮเทค
กลับมาอีกทีกับหนังแอคชันเสี่ยงอันตรายวัยเด็กในตำนาน กับการรีบูตครั้งใหม่ที่เป็นการยกเครื่องในรอบกว่า 10 ปี แต่ว่ายังคงได้โอกาสมผู้ผลิตชุดเดิมมาดูแล้วใน “Spy Kids: Armageddon พยัคฆินทร์จิ๋วไฮเทค: วันสิ้นโลก” ช่วงที่แปรไป กับเทคโนโลยีการผลิตหนังที่ปรับปรุงขึ้นไปมากมาย จำเป็นต้องมาดูกันว่าหนังสายตัวจิ๋วสุดไฮเทคในเวอร์ชั่นนี้จะทำออกมาได้น่าตื่นเต้นสักขนาดไหนSpy Kids: Armageddon พยัคฆีจิ๋วไฮเทค: วันสิ้นโลก เกี่ยวกับเรื่องราวของอุบัติการณ์จากนักปรับปรุงเกมเปลี่ยนเป็นสาเหตุที่ทำให้เชื้อไวรัสคอมพิวเตอร์น่านับถือกำเนิดแพร่ระบาดไปทั่ว ทำให้เด็กๆที่เป็นลูกของข้าราชการสายจำต้องร่วมมือกัน เพื่อหาทางคุ้มครองป้องกันบิดามารดาของพวกเขารวมทั้งช่วยเหลือกันคุ้มครองโลกใบนี้เอาไว้
“โรเบิร์ต รอดริเกรซ” คนที่ปลุกปั้นและก็สร้างแฟรนไชส์หนังชุดนี้มาตั้งแต่ต้น ตลอดทั้ง 4 ภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา กลับมาในหนังเรื่องที่ 5 ที่เป็นการรีบูต เขาก็ยังคงสนับสนุนรวมทั้งกลับมารับหน้าที่เดิมอีกที ดูเหมือนตลอด 20 ปีให้หลัง เขายังคงสนุกสนานกับการผลิตสรรค์แล้วก็ละเลงการผลิตพยัคฆีจิ๋วไฮเทค แล้วก็คราวนี้ก็ด้วยเหมือนกัน เขายังคงเอ็นหน้าจอยกับการปลดปล่อยแนวความคิดของตนลงในหนังแอคชันเด็กๆหัวข้อนี้ แน่ๆว่า Spy Kids: Armageddon ยังคงนำพาสูตรสำเร็จแบบเก่าๆมาให้เชยชมอีกรอบ มันให้ความรู้ความเข้าใจสึกราวกับได้ย้อนกลับไปมอง Spy Kids
ภาคแรกๆยุคที่ยังเป็นเด็กอีกรอบ เพียงแค่เคล็ดลับงานสร้างแล้วก็เทคโนโลยี สร้างภาพยนตร์ได้รับการพัฒนาตามช่วงขึ้นไปมากมาย ทำให้อะไรๆก็มองเหมือนจริงเพิ่มมากขึ้น ถึงมันจะยังคงเอกลักษณ์ลูกเล่นเลียนแบบๆของหนังชุดนี้เอาไว้ แล้วก็ โรเบิร์ต รอดริเกรซ ก็ยังคงรับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังประเด็นนี้อีกรอบ ทำให้เขายังพรูไอเดียใส่เข้ามาได้เพลิดเพลินๆมันก็ยังคงเป็นแอคชันสายที่เด็กมองได้คนแก่ดูดีตามสไตล์ แม้ว่าจะมีฉากต่อสู้ใช้กำลังปนเปเยอะไปหมด แต่ว่ามันก็ตัดทอนด้วยการให้รายละเอียดแบบใสๆแบบหนังครอบครัวเอาไว้ ถึงบทหนังจะเชยมากมายๆก็ตาม แต่ว่าก็ถือได้ว่าเป็นพล็อตที่ประจวบเหมาะกับผู้ชมอีกทั้งครอบครัวนั่นแหละ
แม้กล่าวถึงหนัง Spy Kids ก็ย่อมจำเป็นที่จะต้องรำลึกถึงอาวุธไฮเทคน่าละลานตาต่างๆที่พวกเขาจะถือขึ้นมาพรีเซนเทชั่น หัวข้อนี้ก็ถือเอาพวกเทคโนโลยีคอมพ์รวมทั้งเอไอต่างๆมาใช่ นับว่ากับช่วงนี้ ด้วยเหตุว่าผู้แสดงนำเปลี่ยนเป็นเด็กเจเนอเรชันอัลฟาไปเสียแล้ว เด็กที่ชอบรู้จักดีกับเทคโนโลยีต่างๆสำหรับเพื่อการเจริญวัย อาวุธของพวกเขายังออกมาดี เพียงแค่ยังไม่เด็ดขาดรวมทั้งน่าจำสักเท่าไหร่
2 ดาราเด็กที่มาเล่นบทนำในคราวนี้ นับว่ากลุ่มผู้ผลิตแคสติ้งออกมาได้ค่อนข้างจะถูกใจ “คอนเนอร์ เอสเตอร์สัน” ศิลปินเด็กที่พึ่งจะเข้าแวดวงมาไม่กี่ปี แม้กระนั้นนับว่าเขาฉายเสน่ห์ทางการแสดงออกมาได้ดิบได้ดี เหมาะเหม็งกับหน้าที่ที่ตนเองได้รับ รวมทั้งสวมวิญญาณการเป็นสายเจริญ ช่วงเวลาที่ “เอเวอร์ลี คาร์กานิลลา” น้องหนูคนนี้เข้าแวดวงมาตั้งแต่เด็กๆเพราะว่าคุณก็คือดาราหนังที่เล่นบทเป็น เจน ตอนเด็ก ในซีรีส์ เจน เดอะ เวอร์จิ้น หรือเวอร์ชันเด็กของ “จีนา รอดริเกรซ” นั่นเอง