บุหรี่ไฟฟ้า pod มาทำความรู้จัก เคล็ดลับ
บุหรี่ไฟฟ้า pod วันนี้เราจะมากล่าวถึงวิธีการสูบหรือสไตล์การสูบ และตัวย่อของผลิตภัณฑ์ที่มันมีคำว่า DL DTL MTL ที่ทุกท่านเคยแสดงตัว บางคนก็รู้แล้ว และหลายท่านก็ยังไม่รู้ดีว่ามันคืออะไร
ผู้ผลิตหลายบริษัท ที่ทำการออกแบบ R&D สินค้าก็จึงควรศึกษาวิจัยศึกษาค้นคว้า ว่าจะนำเสนอแบบอย่างของผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแบบไหน โดยคงจะกระทำทดพยายามกับผู้บริโภคงานเก่าๆ บุหรี่ไฟฟ้า ว่าฟีลลิ่งแบบไหนที่เค้าจะสามารถผลิตออกมาขายแล้วเป็นที่ชื่นชอบในตลาด ซึ่งก็จะมีคำว่า DL DTL MTL เป็นคำ SEO ยอดนิยมสำหรับการสืบค้นหาสินค้าด้วยครับผม
สมัยยุคนี้เป็นสมัยของ Pod Vape เกือบ 90% ทั่วโลกไปแล้ว ด้วยเหตุว่ามีความสมบูรณ์ในเรื่องฟีลสูบและสามารถใช้ตอบแทนบุหรี่มวนได้จริงๆนั่นเอง
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลนั่นคือความประพฤติปฏิบัติการสูบ ซึ่งจะจำแนกออกเป็น 2 แบบ คือแบบ DTLหรือบางครั้งก็เรียกว่า DL และ MTL นั่นเอง แล้วแต่คุณถนัดเลยละกัน เนื่องจากคำนิยามหลักเดียวกัน เรามาดูเนื้อหากันเลยครับผม
ท้ายที่สุดนี้ ผู้ใช้งานสามารถเฟ้นหน้าตาการสูบได้อีกด้วยตนเอง ซึ่งสามารถใช้ DTL สูบแบบ MTL ก็ได้ แต่พวกเราไม่ชี้แนะให้ใช้ MTL มาสูบแบบ DTL นะขอรับ อาจทำให้คุณสำลักได้ และฝากเตือนเรื่องปริมาณวิธีการใช้นิคโคตินที่สมควร อย่าใช้งานมากเกินพอดี ถ้าใช้นิโคตินเกินขนาด อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และห้ามใช้ Saltnic กับวัสดุ Sub Ohm เด็ดขาดนะครับผม เนื่องมาจากมีข้อตกลงของ Saltnic เหมาะใช้กับเครื่องไม้เครื่องมือวัตต์ต่ำ หรือ Pod system
เลิกบุหรี่อย่างไรด้วยเทคนิคธรรมชาติ บุหรี่ จัดเป็นสิ่งเสพติดอย่างอ่อนที่ถูกต้องแม่นยำตามหลักเกณฑ์หมายของประเทศ แต่เชื่อมั๊ยว่ามีคนที่จำเป็นที่จะต้องเสียชีวิตเพราะว่าบุหรี่เป็นจำนวนมาก บุหรี่ไฟฟ้า pod เนื่องมาจากสารเสพติดที่อยู่ด้านในบุหรี่นั้น คือสารทาร์ (TAR) ซึ่งเป็นสารที่นำมาซึ่งโรคมะเร็ง และครั้นว่าคนจำนวนไม่น้อยจะทราบถึงโทษของบุหรี่เป็นอย่างดี แต่ก็ปฏิเสธที่จะใช้มิได้ เนื่องด้วยสำหรับคนที่ใช้บุหรี่
แล้วนั้น โดยมากส่วนมากจะมีการเสพติดสารนิโคติน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ส่งผลให้เคลิ้ม และรับรู้สะดวกสบาย โล่ง คลายเครียด แต่อย่างที่บอกการสูบบุหรี่ก็จะพ่วงเอาสารทาร์ที่เกิดขึ้นจากการเผาหรือไม่้มาด้วย จึงมีหลากหลายคนที่ต้องการหาทางเลิกบุหรี่ และต่อไปนี้คือแนวทางการเลิกบุหรี่ที่สมควร และน่าพยายามนำไปปฏิบัตติตาม
สำหรับเทคนิคแรกคือ การเคี้ยวหมากฝรั่ง ซึ่งเป็นแนวทางที่ง่าย แต่จำเป็นต้องใช้ความหนักแน่นหักห้ามพอเหมาะสม โดยที่หากกำเนิดอาการอยากบุหรี่ขึ้นมาให้ลองจับหมากคนต่างประเทศขึ้นมาเคี้ยว ซึ่งการเคี้ยวหมากชาวต่างชาตินั้น จะเป็นเหมือนกับการหาอย่างอื่นทำ เพื่อจะให้เราโฟกัสไปกับการเคี้ยวหมากฝรั่งแทนที่จะไปมีความสนใจบุหรี่นั่นเอง แต่อย่างที่พูดแนวทางนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างจะจะต้องแกร่งไม่ยินดียินร้ายพอเหมาะสม ส่วนสำหรับใครที่ปราศจากความแนวแน่พอคงจะจะไม่แนะนำวิธีการแบบนี้
วิธีลำดับที่สอง จำลองหันไปทานอาหารที่ช่วยให้ลดความต้องการบุหรี่ ตัวอย่างเช่น ไข่ อกไก่ หรืออาหารประเภทโปรตีน เพราะเหตุว่าในอาหารจำเหล่านี้จะสร้างสาร ซีโรโทนิน (Serotonin) ที่สามารถช่วยให้การเลิกบุหรี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยอาหารทั้ง 3 อย่างนี้ ถูกวิจัยโดยสถาบันระดับปริญญาแมสซาชูเซตส์ ว่าเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ ด้วยเหตุดังกล่าวแล้วผู้ที่ต้องการจะเลิกบุหรี่อาจจะลองแทรกอาหารกลุ่มนี้เข้าไปในมื้ออาหารชม แต่ผลบางทีอาจจะแสดงตัวได้ไม่และแจ่มแจ้งมากเท่าที่พวกเราต้องการ
หากการเลิกบุหรี่มันยากเราคงจะจะพยายามหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทน เพื่อจะเพิ่มความปลอดภัย และยังได้ฟิลลิ่งที่ยังเหมือนการสูบบุหรี่อยู่ ยิ่งกว่านั้นบุหรี่ไฟฟ้านั้น ยังไม่มีสารทาร์ที่เป็นอันตราย และยังไม่เป็นอันตรายกว่าการสูบบุหรี่แบบมวนถึง 95 เปอร์เซนต์ ส่วนสารนิโคตินจะขึ้นอยู่กับน้ำยาแต่ละตัวที่ท่านเลือกเฟ้นใช้ เพราะฉะนั้นในยุคนี้เราก็เลยเห็นหลายท่านทั้งมีความต้องการที่จะเลิกบุหรี่ หรือหลายท่านที่ต้องการจะสูบบุหรี่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ากันเพิ่มมากขึ้น
สถานะการณ์เกี่ยวกับบุหรี่ ที่คนจำนวนไม่น้อยไม่เคยทราบมาก่อน
เรื่องราวน่าสนใจที่คนไม่ใช่น้อยอาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับบุหรี่ รู้ไหมว่าบุหรี่ หรือยาสูบที่เรา หรือคนไหนหลายคนนิยมใช้กันนักหช้านานี้ เข้ามามีหน้าที่กับมนุษย์เราได้อย่างไร โดยถ้าจะให้เอ่ยถึงว่ายาสูบ หรือบุหรี่ก่อนที่จะปรับปรุงมาเป็นบุหรี่ไฟฟ้าที่พวกเรานิยมใช้กันในขณะนี้นี้ มีที่มา และเข้ามามีหน้าที่ในประเทศไทยของพวกเราได้อย่างไร พวกเราจะมาสรุปให้ยอมรับฟังกันนะขอรับ
โดยหากจะให้เล่าคงจำเป็นต้องย้อนกลับไปไปเมื่อปี พศ.2035 เมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้ออกเดินเรือไปจนถึงฝั่งที่ซัลวาดอร์ ในหมวดหมู่เกาะเวสต์อินดีส์ และคริสโตเฟอร์ บุหรี่ไฟฟ้า pod โคลัมบัสก็ได้เช่นกันไปพบเจอปรากฏเข้ากับชาวพื้นเมือง หรือชาวอินเดียแดง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา ได้นำใบไม้ชนิดหนึ่งมามวน และจุดไฟเพื่อที่จะชมดเอาควันจากการเผาหรือไม่้ของใบไม้ประเภทนั้น ต่อจากนั้นในปี พศ.
2091 ได้เกิดการแพร่หลายสำหรับในการใช้ และปลูกยาสูบในประเทศบราซิล ซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศโปรตุเกสในทวีปอเมริกาใต้ โดยใช้เพื่อที่จะเป็นสินค้าส่งออก นั่นจึงนำมาซึ่งการทำให้ยาสูบเกิดความแพร่หลายๆในประเทศโปรตุเกส และสเปน ซึ่งหลังจากนั้นหลังแล้วหลังจากนั้นในปี พศ. 2103 นายฌอง นิโกต์ เอกอัครราชทูตชาวต่างชาติเศษประจำประเทศโปรตุเกส ได้ส่งเมล็ดพันธุ์ยาสูบมายังราช
สำนักฝรั่งเศส หลังแล้วต่อจากนั้นยาสูบก็เป็นที่แพร่หลายไปในทุกแห่ง แต่ทว่าถึงแม้ว่ายาสูบในตอนนั้น จะเป็นที่นิยมเป็นเป็นอย่างมากแต่ก็เป็นเพียงกลุ่มผู้คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์เพียงแค่นั้น เนื่องมาจากในแต่ก่อนยาสูบถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจ และมีไว้เพื่อที่จะการค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเกิดเรื่องยากที่จะหามาสูบได้นั้นเอง แต่แล้วความก้าวหน้าของยาสูบจากครั้งก่อนที่จึงควรเอาใบมามวน เป็นอะไรที่ช้า และไม่ทันต่อความรู้สึกที่อยากได้จึงได้เกิดการเปลี่ยนภาพโฉมจากยาสูบมาเป็นบุหรี่มวนแบบในตอนนี้ที่สะดวกสำหรับเพื่อการใช้งานมากขึ้น และผลิตใด้ไวขึ้นนั้นเอง
แต่บุหรี่ก็ยังคงจะเป็นสิ่งที่จับจำเป็นต้องได้ยากในยุคนั้นอยู่ดี จนกระทั้งในปี พศ.2423 ที่ได้มีการผลิตเครื่องมวนบุหรี่ขึ้น ส่งผลให้โรงงานผลิตบุหรี่ในระหว่างนั้น สามารถผลิตบุหรี่ได้ทีละจำนวนมากๆ ก็เลยทำให้บุหรี่เริ่มเข้าถึงได้ทุกชนอันดับเพิ่มขึ้นเรื่อย ซึ่งในจังหวะเวลานั้นเอง ก็ได้เหมือนกันไปตรงกับช่วงเวลาในสมัยรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 พอดีบุหรี่ก็เลยได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยด้วย และนอกเหนือดังที่
จะพ่วงเอาความยุคใหม่จากทางดวงอาทิตย์ตกเข้ามาด้วยนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่ในสมัยนั้นจึงชมเป็นคนมีสถานภาพ และมีความโก๋ ก็เลยทำให้มีการเกิดเป็นค่านิยมยุคใหม่ว่าผู้ที่สูบบุหรี่คือผู้คนที่ชมมีเงิน และชมทันสมัยนั้นเอง และในราวๆตอนปลายรัชการที่ 6 บุหรี่ก็เป็นที่นิยมเพิ่มเติมอีกเพิ่มขึ้นเริ่มต้นเปลี่ยนเป็นแฟชั่นที่นิยมใช้กันในคนทุกเพศทั้งสตรี และชาย และด้วยความฮิตติดชาร์จของบุหรี่ในสมัยนั้น จึงนำมา
ซึ่งการทำให้มีบริษัทเอกชนหลากหลายบริษัทได้เปิดโรงงานผลิตบุหรี่จำนวนไม่ใช่น้อย จนกระทั่งพศ.2482 รัฐบาลไทยจึงได้คิดที่จะผลิตบุหรี่เองโดยการไปซื้อบริษัทเอกชนที่ทำอยู่ก่อนมาจัดการกันต่อนั่นเอง จวบมาจนถึงขณะนี้
ซึ่งตามที่พูดมาทั้งหมดทั้งมวลเมื่อบุหรี่เริ่มต้นมีการแพร่หลากหลายในคนทุกชนระดับ และได้มีการศึกษาวิจัยออกมาเยอะมากว่า แท้จริงแล้วในบุหรี่นั้น มีสารเสพติดที่เรียกว่านิโคตินจนส่งผลให้รัฐเองนั้น บุหรี่ไฟฟ้า pod จำเป็นต้องหาทางปรับปรุงเพื่อที่จะให้คนสูบบุหรี่ได้รู้ถึงโทษของมัน ทางรัฐเองจึงได้ออกมาตรการเพื่อคุ้มครองป้องกันให้คนใส่ใจถึงโทษของบุหรี่ให้มากขึ้น และได้ผลสรุปว่าบุหรี่นอกนั้นจะทำร้ายสุขรูปของ
ผู้สูบแล้ว ยังทำร้ายผู้ผู้คนที่อยู่รอบข้างด้วย รัฐได้ทำการโฆษณาโปรโมทไม่ว่าจะเป็นทางวิถีทางทีวี หรือแม้กระทั้งบนซองของตัวบุหรี่เอง และประจวบเหมาะสมกับที่มีการคิดค้นบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งยังอาจมีนิโคติน แต่ช่วยตัดทอนปัญหาการเผาหรือไม่้ สารทาร์ต่างๆ แต่ในขณะนี้ในประเทศไทยบุหรี่ไฟฟ้ายังอาจเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกฎข้อปฏิบัติหมายแต่ บุหรี่ไฟฟ้าก็ยังเป็นที่ชื่นชอบ เพราะเหตุว่าเป็นมิตรต่อร่างกาย และคนรอบข้างมากกว่าบุหรี่แบบมวนนั่นเอง
How to เช็คยังไงว่าถึงคเช่นเดียวกับจำเป็นต้องแปลง
คือปัญหาที่ผู้ซื้องานบุหรี่ไฟฟ้า Pod system โดยมากจะเจอกันมากกับอุปสรรคที่ว่า ใช้ตัวหัวพอทแบบรีฟิลน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าใช้ไปแล้ว ใช้ไปเรื่อยๆไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงหัวพอทใหม่ ถึงตอนรึยังที่จึงควรเปลี่ยนแปลงคอยล์ ด้วยเหตุว่าโดยโดยมากสำหรับลูกค้างานสูบ หรือนักสูบมือใหม่ก็โดยส่วนมากจะมิได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี่เป็นส่วนแรก เนื่องจากว่าจะรู้สึกตั้งข้อสงสัยและปัญหากับตนเองหลังจากที่ใช้งานไปได้สักพักผ่อนมากมายยิ่งกว่า วันนี้พวกเราจะมาไขคำถามนี้ พร้อมด้วยเคล็ดวิธีที่จะถนอมคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าให้ใช้งานได้นานมากยิ่งขึ้นอีกต่างหาก
ก่อนที่จะจะเข้ามุมมองที่ว่า ควรเปลี่ยนแปลงหัวพอทสูบบ่อยมากแค่ไหน และเมื่อไหร่ พวกเรานักสูบจึงควรทำความเข้าใจพฤติกรรมการสูบของตนซะก่อน ว่าตัวของนักสูบนั้น สูบบ่อยครั้งชั้นไหน และการสูบของตัวนักสูบเองนั้น ทำให้เกิดผลกระทบเช่นไรกับตัวคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าบ้าง เป็นต้นว่า สูบบ่อย แต่การสูบแต่ละทีคือสูบสั้นๆ ไม่ได้สูบแบบลากยาวๆ เนื่องจากในบางครั้งบางคราวการที่พวกเราสูบแบบลาก
ยาวๆ สำหรับการใช้งานตัวบุหรี่ไฟฟ้าแบบ Pod system นั้น ตัวของบุหรี่ไฟฟ้า Pod system มิได้ถูกวางแบบมาให้สูบแบบลากยาว ด้วยเหตุผลดังกล่าวอาจกำเนิดปัจจัยการที่คอยล์อาจจะมั๊ย้ได้ และอาจจะส่งผลให้พวกเราขาดไม่ได้จำเป็นที่จะต้องทิ้งคอยล์อันนั้นไปเลย ซึ่งจะเป็นอะไรที่ใช้จ่ายแบบไม่คุ้มค่ามากๆ
เอาหละแล้วที่นี้เราจะทราบได้ยังไงว่าคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าที่พวกเราใช้ควรจะแปลงใหม่ได้รึยัง ประการแรกเราจำเป็นต้องทราบก่อนเลยว่าโดยจำนวนมากแล้วนั้น คอยล์พอทจะมีอายุวิธีการใช้งานอยู่ที่โดยประมาณ 3-5 วัน บุหรี่ไฟฟ้า pod หรือแบบใช้น้อยๆเบาๆสุดๆก็จะอยู่ที่ 7 วัน หรือประมาณ 1 สัปดาห์ และเมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนแปลง ตัวของคอยล์บุหรี่ไฟฟ้ามีอยู่หลายยี่ห้อหลากหลายแบรนด์ซึ่งก็จะมีอายุวิธีการใช้
งานที่แตกต่างกันออกไป และพฤติกรรมวิธีใช้งานของคนซื้องานก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะพูดว่าคอยล์ที่ใช้จะมีอายุการใช้งานได้มากน้อยเท่าใด และตัวของคอยล์จะส่งคำสัญญาณบอกให้คนสูบสัมผัสได้เองด้วยการที่รสชาติของการสูบนั้นจะแปรไป เป็นต้นว่า รสชาติเพี้ยน กลิ่นไม่ฉ่ำผิดแผกเดิม จืด หรือหนักสุดคือมีกลิ่นมั๊ย้ และส่งผลให้แสบคอตอนสูบ ฯลฯ
ด้วยประการฉะนี้แล้ว เรื่องของฟีลลิ่งที่ได้จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจากคอยล์ที่ใช้งานมานานแล้ว ก็อาจทำให้คุณเสียความรู้สึกสำหรับการใช้งาน และอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณเองอีกด้วย ซึ่งเป็นการได้รับ หรือสูบควันจากคอยล์ที่ไหม้นั่นเอง และดังที่บอกพวกเราจะมีกรรมวิธีการถนอมคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าของพวกเราเช่นไรให้ใช้ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกเลยคือ การหมั่นตรวจสอบเช็คสภาพของตัวพอท และ
คอยล์บุหรี่ไฟฟ้าว่า มีน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอยู่หรือเปล่า เนื่องมาจากควรจะเติมน้ำยาให้เต็มอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะคุ้มครองการทำเป็นนึกไม่ออกหยิบไปสูบโดยที่น้ำยาแห้ง เนื่องมาจากไม่เช่นนั้นคอยล์ของคุณจะมั๊ย้ และเสียเปล่าควรต้องทิ้งไปอย่างแน่นอน และวิธีที่สองคือ ควรจะเว้นระยะห่างในการสูบแต่ละครั้ง ยกตัวอย่างเช่นสูบ 5 พัฟ ก็ควรพักผ่อนสัก 10-20 วินาที เพื่อให้คอยล์คูลดาวน์ลง แล้วจึงค่อยเริ่มสูบใหม่ ทำแบบนี้ยืนยันว่าไม่เป็นอันตราย มีคอยล์ไว้ใช้ช้านานแสนช้านานแน่ๆ
