เวย์น รูนีย์

เวย์น มาร์ค รูนีย์ (Wayne Mark Rooney) เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1985 ที่เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เขาคือชื่อที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกรู้จักกันดีในฐานะหนึ่งในนักฟุตบอลอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และเป็นกองหน้าที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในยุคสมัยของเขา ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน เปี่ยมด้วยพละกำลัง และทักษะการทำประตูที่เฉียบคม ทำให้เขาสร้างผลงานอันน่าจดจำไว้มากมายทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

เวย์น รูนีย์ ตำนานนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ

จุดเริ่มต้นและก้าวสู่ดาวเด่นกับเอฟเวอร์ตัน

รูนีย์เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังกับสโมสรที่เขารักมาตั้งแต่เด็กอย่าง เอฟเวอร์ตัน โดยเข้าร่วมทีมเยาวชนตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบ พรสวรรค์ของเขาฉายแววอย่างรวดเร็ว และได้ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2002 ขณะอายุเพียง 16 ปี 297 วัน ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกในเวลานั้น (ปัจจุบันสถิตินี้ถูกทำลายไปแล้ว)

ไฮไลท์ที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือการยิงประตูใส่ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ซึ่งเป็นทีมที่ยังไม่แพ้ใครในเวลานั้น เพียงไม่กี่วันก่อนวันเกิดอายุ 17 ปีของเขา ประตูนั้นทำให้เขากลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก (สถิตินี้ก็ถูกทำลายในเวลาต่อมาเช่นกัน) ผลงานอันน่าทึ่งตลอดสองฤดูกาลกับเอฟเวอร์ตัน ดึงดูดความสนใจจากสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป

ยุคทองกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สร้างตำนานดาวยิงสูงสุด

ในปี 2004 รูนีย์ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยค่าตัว 25.6 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นค่าตัวที่สูงเป็นประวัติการณ์สำหรับนักเตะวัยรุ่นในขณะนั้น และนี่คือจุดเริ่มต้นของยุคทองในอาชีพของเขา

ตลอด 13 ฤดูกาลกับ “ปีศาจแดง” รูนีย์สร้างผลงานที่น่าทึ่งและกลายเป็นตำนานของสโมสร เขาคว้าแชมป์ได้ถึง 16 รายการ ประกอบด้วย:

• พรีเมียร์ลีก: 5 สมัย
• เอฟเอ คัพ: 1 สมัย
• ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: 1 สมัย
• ลีก คัพ (คาราบาว คัพ): 3 สมัย
• ยูฟ่า ยูโรปา ลีก: 1 สมัย
• ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ: 1 สมัย
• และรายการอื่นๆ อีกมากมาย

รูนีย์ยังสร้างสถิติที่สำคัญคือการก้าวขึ้นเป็น ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยจำนวน 253 ประตู ทำลายสถิติเดิมของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ยืนยงมานาน

บทบาทกับทีมชาติอังกฤษ กัปตันและดาวยิงสูงสุด

นอกเหนือจากความสำเร็จในระดับสโมสร รูนีย์ยังเป็นกำลังสำคัญของ ทีมชาติอังกฤษ มาโดยตลอด เขาประเดิมสนามให้กับทัพ “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2003 ขณะอายุเพียง 17 ปี และเป็นส่วนหนึ่งของทีมในทัวร์นาเมนต์สำคัญหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 3 สมัย และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 3 สมัย

ในปี 2015 รูนีย์สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อเขากลายเป็น ผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอังกฤษ ด้วยจำนวน 53 ประตู ทำลายสถิติเดิมของเซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน อีกครั้ง นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ที่ลงสนามให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับสอง ด้วยจำนวน 120 นัด

ช่วงปลายอาชีพและบทบาทใหม่ในฐานะผู้จัดการทีม

หลังจากยุคที่รุ่งโรจน์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูนีย์กลับไปเล่นให้กับเอฟเวอร์ตันอีกครั้งในฤดูกาล 2017-2018 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีม ดี.ซี. ยูไนเต็ด ในเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (MLS) สหรัฐอเมริกา และปิดท้ายอาชีพค้าแข้งกับการเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมของดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในปี 2021 เขาก็ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการเพื่อมุ่งหน้าสู่อาชีพผู้จัดการทีมเต็มตัว

ปัจจุบัน รูนีย์ได้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลอย่างเต็มตัว โดยได้ผ่านการคุมทีมมาแล้วหลายสโมสร เช่น ดาร์บี้ เคาน์ตี้, ดี.ซี. ยูไนเต็ด, เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และล่าสุดคือ พลีมัธ อาร์ไกล์ shortded

เวย์น รูนีย์ ไม่ใช่เพียงแค่กองหน้าตัวเป้าที่ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำเท่านั้น แต่เขายังเป็นผู้เล่นที่มีวิสัยทัศน์การเล่นที่ดีเยี่ยม สามารถจ่ายบอลทะลุช่องได้แม่นยำ และมีภาวะผู้นำที่โดดเด่นในสนาม ชื่อของเขาจะยังคงเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในตำนานลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษและของโลกตลอดไป